4 gen 2021
[ REPOST เนื่องจากโพสเดิมโดน Mod แบนครับ ] ในวันที่ 12-13/3/2020 ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ที่น่าจะถือเป็นหนึ่งหน้าในประวัติศาสตร์ของ Bitcoin กันเลยทีเดียว นั่นก็คือ ราคา BTC ร่วงลงมาจาก 8000 ลงมาถึง 3600 ( ประมาณ -55% ) ในเวลาแค่ 28 ชั่วโมง โดยผมได้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ตลอดการทุบแรงทั้งสองรอบ ซึ่งก็บอกได้เลยว่า... ผมเองนั้นก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์ทุบที่เร็วและแรง แบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เทรดมาสองปีกว่า ครั้งสุดท้ายที่เจอก็คือ Nov 2018 ตอนวันที่หลุด 6000 ลงไป 5000 ในวันเดียว และค่อยๆ ซึมต่อจาก 5000 ลงไปถึง 3100 ในอีก 1 เดือนข้างหน้า .. ช่วงนั้น ผมเองก็เกือบล้างพอร์ต หมดตัว ขาดทุนหนักถึง -80% เพราะดันไปคิดว่า 6000 เอาอยู่ ลงไปเดี๋ยวก็เด้งกลับ และกราฟทำทรงสามเหลี่ยม เตรียมระเบิดขึ้นไปต่อแรง ... และก็ไม่ได้มองเรื่อง Risk กรณีที่มันอาจจะลงต่อเลยแม้แต่นิดเดียว ดังนั้น รอบนี้ พอเห็นท่าไม่ดี เริ่มเสียทรงขาขึ้นตั้งแต่หลุด 9500 ผมก็เลยดำเนินนโยบายนั่งถือเงินสดเฉยๆ ไม่คันมือ และก็ได้ผลเป็นอย่างดี เพราะผมรอดจากการทุบครั้งนี้มาได้แบบ กำไรด้วยซ้ำ ( มีการ buy put option เก็บไว้ด้วย ทำให้ได้กำไร ) แต่ก็นั่นแหละ ไม่ใช่ผมคนเดียวที่โชคดี หลายๆ คนก็โดนล้างพอร์ต หมดตัว หรือขาดทุนหนัก จากเหตุการณ์ในวันนั้น ผมก็เลยขอเป็นหน่วยกล้าตาย สรุปข้อผิดพลาด จากของตัวเอง และของคนอื่น เอามาไว้ในบทความนี้ เพื่อที่ ในอนาคต ลูกเพจ หรือตัวผมเอง จะได้ย้อนกลับมาอ่าน และจะได้ไม่เกิดปัญหา แบบเดิมอีก ในอนาคต ครับ1.อย่ามั่นใจว่า เอาอยู่ ไม่ลงแน่ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ ข้อนี้ น่าจะเป็นสาเหตุหลัก ที่ทำให้คนหลายๆ คนหมดตัว ล้างพอร์ต หรือขาดทุนหนัก ในการทุบ -55% ในวันนั้นเลยครับ ..เพราะพอเรามั่นใจ ว่าเอาอยู่ ไม่ลงหรอก กูรูคนนั้นคนนี้เขาบอกไว้ เชื่อถือได้แน่ๆ ก็เลยจัดกันไปแบบ จัดหนักจัดเต็ม all-in หรือไม่ก็ จัดแบบ all-in + 20x กันตรงแนวรับสำคัญกันเลยทีเดียว แต่ก็นั่นแหละ ถ้าคนที่เคยผ่านเหตุการณ์ ตอนปี 2018 มา .. ก็จะมีสติ และบอกตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า ... “เฮ้ย ตอนที่คนส่วนใหญ่มั่นใจว่า เอาอยู่... แบบนี้ มันจะเอาไม่อยู่ และหลุดลงไปแรงเอานะนี่” .. ซึ่งผมก็ใช้แนวคิดนี้แหละ มาคอยเตือนสติตัวเอง ว่าไม่ให้เทรดหนัก หรือไปมั่นใจตามคนอื่นเขา .. เพราะเวลามันไม่เป็นอย่างที่เราคิด แล้วเราไปจัดหนักนี่... ความเสียหายต่อ portfolio มันสูงมาก เกินกว่าที่เราจะสามารถเอาคืนมาได้... โดยเฉพาะถ้าโดนล้างพอร์ต หมดตัวไป... คือจบ เลย จบกัน...2. ถึงแม้เราจะ Long ด้วยความเสี่ยง ที่เราคิดว่า น้อยที่สุด ที่ Bitmex ... ก็ยังไม่รอด รอบนี้ มันโหดตรงที่ว่า ถึงแม้คุณจะ เปิด Long Position ด้วยความเสี่ยงที่น้อยที่สุด ที่ Bitmex เช่น มี 1 BTC และตอนนั้นราคา BTC = 8000 ก็เปิด long position ด้วยจำนวน 8000 contracts นั่นก็หมายความว่า liquidation price ของคุณจะอยู่ที่ entry / 2 = 8000/2 = 4000 นั่นเอง... ผมเชื่อว่า ณ เวลานั้น ไม่มีใครคิดหรอกครับ ว่า มันจะลงไป 4000 ได้ยังไงวะ เพราะที่ผ่านมา Bitcoin ไม่เคยลงไปถึงขนาดนั้นเลย แล้วเราเห็นไหมครับ ว่ามันลงไปถึงไหน... 3596 นะครับ ... ก็โดนล้างกันไปเรียบร้อย ขนาดเสี่ยงน้อยที่สุดก็ยังไม่รอด3. อย่าสวนเทรนใหญ่ รอบนี้ ผมก็งงกับหลายๆ คนที่มาใช้มุก ย่อซื้อ ย่อซื้อกัน เพราะเอาจริงๆ เทรนขาขึ้นรอบนี้ มันเสียตั้งแต่ราคาหลุด 9500 ลงมา ตั้งแต่แถวๆ ช่วงปลาย Feb 2020 แล้ว และมันก็ไม่ได้ไม่เตือนเราล่วงหน้า... เพราะถ้าเราตาม indicators หลายๆ ตัว เราก็เห็นว่า ตั้งแต่ หลุด 9500 ลงมา พวก trend following หลายๆ ตัวก็บอกให้ออกไปเรื่อยๆ ทีละตัว สองตัว และผมเองก็โพสลงในเพจ มาโดยตลอด ว่าให้ระวัง เอาง่ายๆ แค่ MACD ตัดศูนย์ ( Action Zone แดง ) TF Daily มันก็บอกให้ออกตั้งแต่ วันที่ 28 ก.พ. 2020 ตอนราคา 8700 ซึ่งถ้าเราทำตามระบบ เราก็ควรนั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรกันตั้งแต่ตอนนั้น ถูก ว่า มันจะมีบางระบบ ที่สวนเทรน เช่น การวัด fibo หรือการนับเวฟ แต่เราก็ต้องยอมรับว่า โอกาสผิดมันก็มีสูง เพราะเรากำลังสวนเทรนใหญ่อยู่ การจะสวนเทรนใหญ่ ถ้าจะเข้าจริงๆ ก็ต้องมี risk management ที่ดีและชัดเจน .. ต้องรู้ว่า จุด stop อยู่ตรงไหน และความเสี่ยง ถ้าเราผิดทาง เป็นเท่าไหร่ ..... และที่สำคัญคือ.. ห้าม all-in4. อย่าถัวขาดทุน ผิดทางก็ stop loss ซะ เอาจริงๆ รอบนี้ ถามว่าผมได้มีการออกไม้เสี่ยงบ้างไหม ... ก็มีนะครับ โดย ลองเข้าดู ตรงแถวๆ 7800-7900 ไม้นึง แต่สุดท้าย พอประเมินแล้ว ดูซ้ายดูขวาแล้ว ผมก็คิดว่า รอบนี้ ไม่น่ารอด ออกมาถือเงินสดดูลาดเลาก่อนดีกว่า และก็รีบหนีก่อนจะมีการทุบลงมาในวันรุ่งขึ้น แต่เท่าที่ผมเห็น หลายๆ คนที่มาเทรดสวนเทรนใหญ่รอบนี้ แทนที่จะผิดทางแล้วยอมตัดขาดทุน แล้วนั่งเฉยๆ ไปก่อน ก็ดันไม่ยอมแพ้ และไปถัวลงไปเรื่อยๆ ตลอดทาง .. ถ้าถัวด้วย spot ก็ยังไม่ค่อยเป็นไรเท่าไหร่ แต่บางคนที่ผมเห็นมา ก็ดันไปถัวด้วย margin บ้าง ด้วย leverage สูงๆ บ้าง ... เพราะมั่นใจว่าเดี๋ยวก็เด้ง สุดท้าย พอมันราคาร่วงจริงๆ ก็ล้างพอร์ตกันระนาว ใส่ไป 100 BTC ก็หมด 100 BTC ใส่ไป 1000 BTC ก็หมด 1000 BTC ครับ ถ้าเราคุมความเสี่ยงดีๆ คำนวณ position size + risk ที่เหมาะสม และตั้ง stoploss ดักไว้เลย มาชนก็ยอมแพ้ อย่าไปกลัวเด้ง เพราะถ้ามันเด้ง อย่างน้อย เราก็เสียตังเท่าที่เรายอมเสีย แต่ถ้ามันไม่เด้ง ก็อย่างที่เห็นนี่แหละครับ ... เละ + ล้าง กันได้เลยทีเดียว5. Overtrade ไป กะรวยเร็ว สุดท้าย ได้มาเยอะเท่าไหร่ ก็คืนตลาดไปหมด จากการเสียเพียงแค่ครั้งเดียว หลังๆ พวก leverage exchange เปิดขึ้นมาเยอะมาก ที่ระดมเปิดกันมาแย่งลูกค้า ไอ้ exchange ที่เปิดให้เราใช้ leverage ได้เนี่ย.. ถ้าเราใช้เป็น มันก็เหมือนเครื่องมือชั้นดี ที่ช่วยให้เราสามารถบริหารจัดการ BTC ของเราได้อย่างง่ายขึ้น ดีขึ้น ผ่านพวก instruments ต่างๆ ของมัน เช่น perpetual swap หรือ future รวมทั้ง option แต่มือใหม่ส่วนใหญ่ ไม่เข้าใจ ถึงความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ และคิดว่า เออ exchange เขาใจดีจัง เรามีตังแค่ 100$ แต่สามารถเทรดได้สูงถึง 12,500$ ( 125x ) และกลายเป็นการกำเงินเข้าบ่อนกันหมด กะรวยเร็ว รวยลัด ... ซึ่งสุดท้าย ก็พบว่า .. แทนที่จะรวย ก็กลายเป็นหมดตัวไปซะงั้น... บางคน ก็มือขึ้น เทรดแบบหลายๆ x ได้กำไรบางช่วงมาเยอะมาก แล้วก็มั่นใจสุดๆ ว่าเรานี่โคตรเก่ง ตลาดมันง่ายขนาดนี้เลยนี่หว่า แล้วก็ไปเถียงตลาด และเปิด position ขนาดใหญ่มาก กะรวยเร็วไปเลย เพราะคิดว่าไม่หลุดแน่ เอาอยู่... แต่พอหลุด ก็จบ ... ล้างพอร์ต ... กำไร + ทุน หายหมด ไม่เหลือแม้แต่บาทเดียว...6. ถ้าไปสวน แล้วโดน stop บ่อยๆ ก็พักมือบ้างก็ได้ อย่าไปพยายามจะเอาคืน อันนี้ เห็นบางคน พยายามจะ call bottom อยู่นั่นแหละ โดยการหาจุดเข้าสวนเทรนใหญ่ เรื่อยๆ เพราะที่ผ่านมา ตลาดมันลงไม่แรง มันลงเนิบๆ และก่อนหน้านี้มันก็เป็นขาขึ้นเล็กๆ .. การใช้กลยุทธ ย่อ long พอดีดก็ขาย และรอ short พอร่วงก็ take profit จึงทำได้ง่ายๆ แต่หลังจากหลุด 9500 ลงมา ตลาดก็ร่วงลงมาแบบแทบจะไม่ได้พัก เพราะเจอแรงเทขายมาตลอดทุกวัน ทั้งวัน ( ถ้าไปดูแท่ง 4H จะเห็นว่า แดงเถือกแทบทุกแท่ง ยาวลงมาตลอดสองสามวัน ) ทีนี้ คนที่เคยเล่นได้กับกลยุทธ เดิมๆ ก็คือ ตั้ง buy + stop รอไว้เพื่อจะลุ้นเกี่ยวมาเข้า แล้วลุ้นเด้ง จึงไม่สามารถทำได้เลยแม้แต่นิดเดียว และโดน stop loss ไปทุกครั้งตลอดทาง จริงๆ ถ้าเราเริ่มเสียบ่อยๆ โดน stop บ่อยๆ สิ่งที่เราควรทำก็คือการ “พักก่อน” อย่าเพิ่งรีบจะไปเอาคืน เพราะเราควรจะต้องประเมินกลยุทธ ที่เราใช้แล้วว่า ช่วงนี้ มันมีปัญหาอะไร ทำไมมันถึงโดน stop ถี่ขนาดนี้ ... แต่ก็นั่นแหละ เอาจริงๆ ก็วนไปเรื่องเดิมก็คือ การที่ไปรีบรับมีด สวนเทรน น่ะแหละ 55557. รอให้มีสัญญาณซื้อ หรือกราฟ confirm การกลับตัว ใน Timeframe ใหญ่ แล้วค่อยเสี่ยง จะดีกว่า จากข้อที่แล้ว ถ้าจะสวน หรือจะเข้าซื้อจริงๆ เราก็ควรจะรอให้ระบบที่เราใช้ อย่างน้อย ก็มีสัญญาณเข้าซื้อใน timeframe ใหญ่ก่อนจะดีกว่า ได้จุดเข้าที่แพงหน่อย แต่มีโอกาสที่มันจะวิ่งขึ้นต่อ ... ก็ยังดีกว่าไปพยายามรับมีด แล้วก็มีดหลุดมือมาปาดคอตัวเองตายนะ8. เงินต้นสำคัญที่สุด อย่าปล่อยให้ขาดทุนหนัก เพราะจะทำกำไรคืนกลับมาให้เท่าทุนยากมากๆ ถ้าเราขาดทุน -10% เราพยายามไม่มาก จากเงินทุนที่เหลืออีก 90% ให้กลับคืนมา 100% ก็จะทำได้อย่างสบายๆ แต่ถ้าเราขาดทุน -50% เราจะต้องทำกำไรจากเงินที่เหลือแค่ 50% อีกตั้ง 100% ถึงจะกลับมาเท่าทุน แต่ถ้าเราขาดทุน -90% เราจะต้องทำกำไรจากเงินที่เหลือแค่ 10% ถึงตั้ง 1000% ถึงจะกลับมาเท่าทุน... และโอกาสก็แทบจะริบหรี่... หลายๆ คนคิดว่า ขาดทุนนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก ไม่ขาย ไม่ขาดทุน แต่ไอ้แนวคิดบ้าเนี่ย มันอันตรายที่สุด เพราะมันอาจจะทำให้พอร์ตของคุณ เสียหายหนัก จนเกินเยียวยา และจะทำให้สภาพจิตใจของคุณเสียหายหนักไปด้วย.. และจะไปตัดสินใจอะไรผิดพลาดอีกเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ..9. หลังราคาลงแรง อย่ารีบกระโดดเข้าไปกลางสนามรบ เพราะราคาจะผันผวนแรงมาก ก็เช้าวันที่ 13 หลังจากราคามันดิ่งไป 3600 แล้วหลังจากนั้นมันก็เด้งกลับมา 5500 ในวูบเดียว และอีกสามวัน หลังจากนั้น มันก็แกว่งไปแกว่งมาใน 1 วันแรงมาก โดยแกว่งลงไปถึง 4500 แล้วเด้งขึ้นมา 5500 ตลอดทั้งวัน.. อย่าลืมว่า พอเราลงมาราคาต่ำๆ แบบนี้แล้ว 1000$ ของช่วงนี้ มันก็คือ +22% ถ้านับจาก 4500 และ -18% ถ้านับจาก 5500 การที่เราจะรีบไปเอาคืนในช่วงหลังสงครามแบบนี้ ก็จะมีความเสี่ยงสูงมาก โดยเฉพาะการที่ยังปรับโหมดความเสี่ยงไม่ทัน และคิดว่า ก็เข้าเหมือนเดิม 10x all-in ไป เหมือนแถวๆ ช่วง 10k ... คุณก็จะโดนล้างพอร์ตรัวๆ เพราะมันวิ่งตั้ง +-20% ในวัน โดยเฉลี่ย... ขนาด 2x ยังเจ็บหนัก 555 มีทางเดียวครับ คือพักมือ นั่งสงบสติอารมณ์ และทบทวนความผิดพลาดของตัวเองก่อน อย่าเพิ่งรีบโดดเข้าสนามรบ และอย่าลืม จดบันทึกด้วยว่า เราพลาดตรงไหน และจะทำไงไม่ให้พลาดโง่ๆ แบบนี้อีก ( เห็นมะ มีผมช่วยจดแทนให้ด้วยซ้ำ 555 แต่ผมจดให้ก็ไม่เท่าคุณจดเองนะครับ เพราะมันคือการที่คุณจะได้นั่งนึกๆ ความผิดพลาด ด้วยตัวคุณเอง คุณจะจำแม่นกว่ามานั่งอ่านของผม ) สรุป เอาเท่านี้ก่อนแล้วกัน รอบนี้ ผมรอดตายมาได้ และได้กำไรมาด้วย เพราะบทเรียนของผมเอง ที่เกือบหมดตัวตอน BTC หลุด 6000 มา 3000 เมื่อปี 2018 นี่ถ้าผมปล่อยมันผ่านไป ไม่ได้บันทึก หรือตกผลึกหัวข้อว่า เราพลาดตรงไหนบ้าง ... ผมก็คงไปมั่นใจว่า 7500 ไม่หลุดแน่ และไป all-in หนักเหมือนคนอื่นๆ กันอีกแน่นอนครับ ก็ฝากกันไว้ ผมมาเขียนระบายยาวๆ ให้ท่านฟัง ผมก็ได้ของผมเองนี่แหละ ส่วนใครอ่านจนจบได้ถึงตรงนี้ก็ยินดีด้วย ท่านน่าจะได้อะไรไปบ้างไม่มากก็น้อย 55 หลังๆ ผมปลงๆ นะ มองคนที่ขาดทุนว่าเป็นเรื่องปกติแล้ว และคงไม่ไปพยายามช่วยอะไรเขา เพราะเราก็ทำหน้าที่ของเราไปแล้ว ในการบอกลงออกสื่อของผม.. และคนที่ขาดทุน ถ้าไม่สามารถตกผลึกปัญหาของตัวเองออกมาได้ ว่า เป็นเพราะอะไร .. แล้วเที่ยวไปโทษคนอื่น ว่าทำไมกูรูบอกว่า ให้ all-in แล้วมันลงแบบนี้วะ ไม่แม่นเลยนี่หว่า... เขาเหล่านี้ก็จะไม่พัฒนาอะไรได้เลยครับ 555 เรียนรู้กันไปครับ ตลาดมันไม่ง่าย โดยเฉพาะช่วงขาลงแบบนี้ ถ้าคุณรอดไปได้ หรือไม่รอด แต่เรียนรู้ปัญหา รอบหน้า คุณก็จะแกร่งขึ้นครับ