2 8 Prendi questo grafico Prendi questo grafico Market Cycle รู้ไว้จะได้ไม่ดอยกับวัฏจักรตลาด 👯👯👯 เพราะตลาดมีทั้งขึ้นและก็ลง มีใครเจ็บตัวจากการดิ่งลงของทองช่วงนี้มั้ย ยกมือขึ้น วันนี้แอดพาไปรู้จักกับกลไกวัฏจักรของตลาดการเงินกันครับ เผื่อว่าคนที่ดอยหรือล้างพอร์ตบ่อยๆจะได้ปลงและ มองเห็นความเป็นจริงที่มากขึ้น มาครับตามมาอ่านกันดีกว่า ว่ามันเป็นยังไง เพราะตลาดมีทั้งขึ้นมีทั้งลง เคยสังเกตุไหม???? เพื่อนเราเทรดทอง เราเองก็เทรดทอง คนนึงบาย BUY คนนึงเซล SELL แต่เอ๊ะ ทำไมมันก็กำไรทั้งคู่นะ ไม่มีใครเทรดเสีย หรือบางทีก็เทรดเสียด้วยกันทั้งคู่ ทั้งคน BUY และคน SELL ตลาดเขาแรงจริงๆ ว่ามั้ย Market Cycle จึงเป็นเหมือนเครื่องเตือนสติใจ ให้เราไม่วู่วามและเผชิญหน้ากับความจริงที่เป็นสิ่งไม่ตายนั่นเอง และเราก็ใช้สิ่งนี้แหละเป็นตัวตัดสินใจในการลงทุน และวางแผนการลงทุนได้อย่างมีระบบ วัฎจักรตลาด (Market Cycle) คือธรรมชาติของการซื้อขายบนความคาดหวัง เช่น บางคนคิดว่าราคาจะพุ่งขึ้นในตลาดขาขึ้นก็ซื้อหุ้นไว้ แต่พอเวลาผ่านไป ราคาขึ้นไปจนสุดแรง ก็อาจเกิดการรีบาว์นหรือกลับตัว เป็นตลาดขาลง ซึ่งเรามักใช้ปัจจัยอื่นๆประกอบในการวิเคราะห์เชิงเทคนิค และข่าวสารที่ส่งผลต่อหุ้นนั้นๆทฤษฎีที่หลายคนนิยมใช้กันมีอยู่ 2 ทฤษฎี คือ 1. ทฤษฎีดาว (Dow Theory) มีอยู่ด้วยกัน 4 ช่วงที่สำคัญคือ - ช่วงเก็บของ (The accumulation phase) เมื่อราคาหุ้นตกลงมากๆ ติดต่อกันนาน ๆ มูลค่าการซื้อ-ขาย จะน้อยลง จะเป็นช่วงรายใหญ่เก็บของในช่วงนี้และราคาจะไม่ขึ้นจนกว่าจะเก็บของเสร็จ - ช่วงราคาพุ่งขึ้น/ผู้คนเริ่มรับรู้ตลาดขาขึ้น (Uptrend) หุ้นในช่วงนี้นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มสนใจ เพราะเห็นว่ามันมีแนวโน้มที่ชัดเจน ข่าวที่ส่งผลต่อราคาอาจยังออกมาไม่มากนัก - ช่วงเลิกเล่น (The distribution phase) ช่วงที่หุ้นขึ้นมาอย่างร้อนแรง จนนักลงทุนส่วนใหญ่กระโดดเข้าไปตาม แต่มักจะเป็นช่วงที่ตลาดขึ้นไปสุดแล้ว และเป็นจุดเริ่มต้นของขาลงในคลื่นลูกใหม่ - ช่วงราคาร่วงหนัก/ผู้คนเริ่มรับรู้ตลาดขาลง (Downtrend) หุ้นในช่วงนี้นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มตกใจและหดหู่จากตลาดร่วงอย่างหนัก เพราะเห็นว่ามันมีแนวโน้มที่ชัดเจนว่าราคาจะทำท่าลงต่อ 2. ทฤษฎี Wyckoff (Wyckoff Logic) ทั้งสองทฤษฎีนี้มีความคล้ายคลึงกันอยู่ แต่แตกต่างกันตรงที่การแบ่งแยกช่วงต่างๆของวัฏจักร โดยหลักการ Wyckoff สามารถคาดการณ์ และ ดูทิศทางการเคลื่อนไหว ภายในกรอบซื้อขาย (Trading Range) และอาศัยความเป็นเหตุเป็นผลที่จับต้องได้ และเกิดซ้ำ ๆ จนเป็นวัฏจักรตลาด Wyckoff Logic มีทั้งหมด 4 ช่วงที่สำคัญคือ - ระยะสะสม (Accumulation) ในระยะสะสมจะมีการแบ่งช่วงย่อยเป็น Phase มีด้วยกัน 5 Phase หรือมองภาพให้ง่ายๆคือกรอบคลื่นย่อยๆค้ายคลื่นอีเลียตในกรอบย่อยนั่นเองเพื่อพักตัวและเลือกทางการไปต่ออีกครั้ง - ระยะไล่ราคา (Mark Up / Uptrend) ราคาจะมีทิศทางขาขึ้นค่อนข้างชัดเจน มีการไล่ราคากันอยู่เรื่อย ๆ สลับกับทยอยขายทำกำไร แต่เมื่อใดที่ราคาเคลื่อนไหว Sideway นาน ๆ หรือมีสัญญาณที่แนวโน้มขาขึ้นจะเปลี่ยนเป็นขาลง จุดนี้อาจเป็นจุดสูงสุดของขาขึ้น - ระยะแจกจ่าย (Distribution) ในระยะสะสมจะมีการแบ่งช่วงย่อยเป็น Phase มีด้วยกัน 5 Phase หรือมองภาพให้ง่ายๆคือกรอบคลื่นย่อยๆค้ายคลื่นอีเลียตในกรอบย่อยนั่นเอง แต่เป็นแบบกรอบพักตัวแล้วไต่ขึ้นหรือลงต่อ - ระยะดิ่งเหว (Mark Down / Downtrend) หลังจากผ่านช่วงแจกจ่ายไปแล้ว ตลาดก็เข้าสู่ขาลง ในช่วงนี้เราอาจจะเจอการเด้งกลับของราคาอยู่เป็นช่วงๆ หรือที่เรียกว่า “Rebound” ซึ่งในตลาดขาลงนี้ จะสามารถทำกำไรได้ในระยะสั้นๆ แต่ก็มีความเสี่ยงสูงมากหากเข้าซื้อ-ขายออกช้าเกินไป และหลังจากที่ระยะนี้จบลง ก็จะเริ่มเข้าสู่ระยะสะสม วนเป็นวัฏจักรแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ 👽👽👽 เป็นอย่างไรกันบ้างครับพอจะเริ่มเข้าใจกลไกวัฏจักรของตลาดการเงินกันบ้างแล้วมั้ยครับ แอดบอกเลยว่ามันดีจริงๆนะ ทำให้เราไม่เครียดและหาทางออกในการแก้ไม้ของเราได้ดีเลยเชียวหละ ลองเอาไปปรับใช้กันดูครับ แอดเชื่อว่าไม่มากก็น้อย กำไรแน่นอน อยู่ที่ว่าเราเลือกชอบแบบไหน และเทรดให้ได้กำไรที่สุด แล้วอย่าลืม หมั่นฝึกฝนการเทรดให้ได้ทุกวัน ยิ่งเราเทรดบ่อยๆเราจะเก่งขึ้นเองครับ และที่สำคัญอย่าลืม MM และสร้างแผนการเทรดที่ดีด้วยนะครับ จะช่วยทำให้เราแกร่งมากยิ่่งขึ้น และเจ็บน้อยลง แอดเอาใจช่วยนะครับ
Declinazione di responsabilità Le informazioni ed i contenuti pubblicati non costituiscono in alcun modo una sollecitazione ad investire o ad operare nei mercati finanziari. Non sono inoltre fornite o supportate da TradingView. Maggiori dettagli nelle
Condizioni d'uso .