BioNTech SELong
BioNTech จะพัฒนาวัคซีนโรคมาลาเรีย
BioNTech กล่าวว่ามีแผนจะพัฒนาวัคซีน mRNA เพื่อป้องกันโรคมาลาเรีย
ผู้ผลิตยาสัญชาติเยอรมัน BioNTech ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่ามีแผนที่จะพัฒนาวัคซีนที่ใช้ mRNA เพื่อป้องกันโรคมาลาเรีย ซึ่งเป็นโรคที่คุกคามชีวิตซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คนนับล้านทั่วโลกในแต่ละปี
บริษัท ซึ่งพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับอนุญาตครั้งแรกของสหรัฐฯ กับผู้ผลิตยา Pfizer ของสหรัฐฯ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าที่จะเริ่มการทดลองทางคลินิกเพื่อทดสอบการฉีดภายในสิ้นปี 2565
องค์การอนามัยโลก คณะกรรมาธิการยุโรป และองค์กรอื่น ๆ ได้มีส่วนร่วมในขั้นตอนการวางแผนเบื้องต้นของวัคซีนใหม่ บริษัทกล่าว และได้ให้การสนับสนุนเพื่อระบุและตั้งค่าโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น
“การตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ได้แสดงให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมสามารถเปลี่ยนชีวิตของผู้คนได้เมื่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักทั้งหมดทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน เรามุ่งมั่นที่จะนำนวัตกรรมของเราไปสู่ผู้ที่ต้องการพวกเขามากที่สุด” ดร. อูเกอร์ ซาฮิน ซีอีโอของ BioNTech กล่าวในการแถลงข่าว
“ร่วมกับพันธมิตรของเรา เราจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อพัฒนาวัคซีนมาลาเรียที่ใช้ mRNA ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะป้องกันโรค ลดอัตราการตาย และรับประกันการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนสำหรับทวีปแอฟริกาและภูมิภาคอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโรคนี้” เขากล่าว กล่าวว่า.
ปัจจัยนี้ยังคงต้องจับตาดูว่าจะสามารถพัฒนาวัคซีน mRNA ได้หรือไม่โดยเฉพาะป้องกันโรคมาลาเรียอย่างไรก็ตามถ้าสามารถผลิตวัคซีนนี้ขึ้นมาได้อาจจะทำให้หุ้น BioNTech มีการขยับตัวขึ้นอีกครั้งต้องจับตาดูในการพัฒนาในครั้งนี้
โดยในปัจจัยทางด้านเทคนิคยังคงมีการขยับตัวขึ้นของหุ้น BioNTech ซึ่งในระยะกลางเริ่มมีการขยับตัวสูงขึ้นไปในแนวโน้มระยะสั้นเริ่มมีการปรับตัวร่วงลง ซึ่งในรอบวันในการเปิดตลาดสหรัฐมีการปรับตัวร่วงลง -1.51% อยู่ในระดับประมาณ 283.40 เหรียญต่อหุ้น
ซึ่งถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นโดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการขยับตัวสูงขึ้นนั้นอาจจะทำให้หุ้น BioNTech มีการฟื้นตัวขึ้นเช่นเดียวกันดังนั้นถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นกรอบแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 296.88 ดอลล่าร์ต่อหุ้นแนวต้านที่สองก็คือ 326.62 ดอลล่าร์ต่อหุ้นและแนวต้านสุดท้ายก็คือ 354.85 ดอลล่าร์ต่อหุ้น
แต่ถ้ามีการปรับตัวลงแนวรับแรกก็คือ 273.62 ดอลล่าร์ต่อหุ้นแนวรับที่สองก็คือ 256.35 ดอลล่าร์ต่อหุ้นแนวรับสุดท้ายก็คือ 238.80 ดอลล่าร์ต่อหุ้น
ผู้ผลิตยาสัญชาติเยอรมัน BioNTech ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่ามีแผนที่จะพัฒนาวัคซีนที่ใช้ mRNA เพื่อป้องกันโรคมาลาเรีย ซึ่งเป็นโรคที่คุกคามชีวิตซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คนนับล้านทั่วโลกในแต่ละปี
บริษัท ซึ่งพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับอนุญาตครั้งแรกของสหรัฐฯ กับผู้ผลิตยา Pfizer ของสหรัฐฯ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าที่จะเริ่มการทดลองทางคลินิกเพื่อทดสอบการฉีดภายในสิ้นปี 2565
องค์การอนามัยโลก คณะกรรมาธิการยุโรป และองค์กรอื่น ๆ ได้มีส่วนร่วมในขั้นตอนการวางแผนเบื้องต้นของวัคซีนใหม่ บริษัทกล่าว และได้ให้การสนับสนุนเพื่อระบุและตั้งค่าโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น
“การตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ได้แสดงให้เห็นว่าวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมสามารถเปลี่ยนชีวิตของผู้คนได้เมื่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักทั้งหมดทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน เรามุ่งมั่นที่จะนำนวัตกรรมของเราไปสู่ผู้ที่ต้องการพวกเขามากที่สุด” ดร. อูเกอร์ ซาฮิน ซีอีโอของ BioNTech กล่าวในการแถลงข่าว
“ร่วมกับพันธมิตรของเรา เราจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อพัฒนาวัคซีนมาลาเรียที่ใช้ mRNA ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะป้องกันโรค ลดอัตราการตาย และรับประกันการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนสำหรับทวีปแอฟริกาและภูมิภาคอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากโรคนี้” เขากล่าว กล่าวว่า.
ปัจจัยนี้ยังคงต้องจับตาดูว่าจะสามารถพัฒนาวัคซีน mRNA ได้หรือไม่โดยเฉพาะป้องกันโรคมาลาเรียอย่างไรก็ตามถ้าสามารถผลิตวัคซีนนี้ขึ้นมาได้อาจจะทำให้หุ้น BioNTech มีการขยับตัวขึ้นอีกครั้งต้องจับตาดูในการพัฒนาในครั้งนี้
โดยในปัจจัยทางด้านเทคนิคยังคงมีการขยับตัวขึ้นของหุ้น BioNTech ซึ่งในระยะกลางเริ่มมีการขยับตัวสูงขึ้นไปในแนวโน้มระยะสั้นเริ่มมีการปรับตัวร่วงลง ซึ่งในรอบวันในการเปิดตลาดสหรัฐมีการปรับตัวร่วงลง -1.51% อยู่ในระดับประมาณ 283.40 เหรียญต่อหุ้น
ซึ่งถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นโดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์มีการขยับตัวสูงขึ้นนั้นอาจจะทำให้หุ้น BioNTech มีการฟื้นตัวขึ้นเช่นเดียวกันดังนั้นถ้ามีการขยับตัวสูงขึ้นกรอบแนวต้านสำคัญแรกก็คือ 296.88 ดอลล่าร์ต่อหุ้นแนวต้านที่สองก็คือ 326.62 ดอลล่าร์ต่อหุ้นและแนวต้านสุดท้ายก็คือ 354.85 ดอลล่าร์ต่อหุ้น
แต่ถ้ามีการปรับตัวลงแนวรับแรกก็คือ 273.62 ดอลล่าร์ต่อหุ้นแนวรับที่สองก็คือ 256.35 ดอลล่าร์ต่อหุ้นแนวรับสุดท้ายก็คือ 238.80 ดอลล่าร์ต่อหุ้น
Declinazione di responsabilità
Le informazioni ed i contenuti pubblicati non costituiscono in alcun modo una sollecitazione ad investire o ad operare nei mercati finanziari. Non sono inoltre fornite o supportate da TradingView. Maggiori dettagli nelle Condizioni d'uso.